กีฬาที่มาจากศิลปะการต่อสู้ของไทย ไม่มีชาติใดเหมือน 

ได้รวมอาวุธหลายชนิดเข้าไว้ด้วยกัน ช่วยพัฒนาทักษะรอบด้าน 

            ชื่อกระบี่กระบองใช่จะมีอาวุธเพียง ๒ อย่างเท่านั้น แต่กีฬาประเภทนี้ได้รวมอาวุธที่น่าสนใจมากมายนอกเหนือจากกระบี่กระบอง อาทิ ดาบ ง้าว พลอง ดั้ง เขน โล่ และไม้สั้น การเล่นกีฬาชนิดนี้จะต้องเป็นคู่กันเพื่อแข่งขันกับคู่อื่น กรรมการจะมีหลักเกณฑ์การตัดสินการแข่งขัน ๔ ประเภท ได้แก่ การแต่งกายจะเป็นแบบนักรบโบราณหรือชาวบ้านก็ได้ แต่ต้องสวมมงคลทุกครั้ง ท่ารำต้องรำท่าเดียวไม่ต่ำกว่า ๒ ท่า ลีลาท่ารำต้องเข้ากับจังหวะดนตรีและเหมาะสมกับอาวุธที่ใช้ การเดินแปลงคือการเดินเข้าหากันก่อนเริ่มต่อสู้ และสุดท้ายคือการต่อสู้ที่ถูกต้องตามหลักวิชาการต่อสู่ป้องกันตัว มีเหตุผลสมจริงในแต่ละท่าที่ใช้ และไม่เป็นการอนาจาร กำหนดเวลาแสดงคู่ละประมาณ ๗ นาที


รูปแบบการเล่นกระบี่กระบอง 

การเล่นกระบี่กระบองแต่ละครั้งนั้นมีแบบแผนการเล่นที่กำหนดไว้  ดังนี้

๑.การถวายบังคม 

การถวายบังคมนี้จะกระทำ 3 ครั้ง แต่ละครั้งมีความหมายดังนี้

            ครั้งที่ ๑ หมายถึง  การแสดงความเคารพต่อหลักธรรมคำสั่งสอนขององค์พระศาสดา

            ครั้งที่ ๒ หมายถึง  การแสดงความเคารพต่อองค์พระประมุขของชาติ

            ครั้งที่ ๓ หมายถึง  การแสดงความเคารพต่อบิดา  มารดา  ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาการและผู้มีพระคุณ

๒.การขึ้นพรหม

ประกอบด้วย  การขึ้นพรหมนั่ง  และการขึ้นพรหมยืน  การขึ้นพรหมนี้ถ้าฝ่ายหนึ่งขึ้นพรหมนั่งอีกฝ่ายจะขึ้นพรหมยืน   นอกจากเป็นการสร้ากำลังใจและคุ้มครองในการต่อสู้แล้ว  การขึ้นพรหมนี้  นาค  เทพหัสดิน ณ อยุธยา  ได้บันทึกไว้ว่า  เป็นการสอนให้ผู้เรียนระลึกถึงธรรมของการอยู่ร่วมกันในสังคม  ได้แก่  พรหมวิหารสี่

๓.การรำเพลงอาวุธ  

ผู้แสดงที่เล่นอาวุธ  ผู้แสดงที่เล่นอาวุธใดจะเลือกรำเพลงตามอาวุธที่ตนใช้  โดยเลือกท่ารำจากท่ารำทั้งหมดในอาวุธนั้นตามความเหมาะสมหรือความชำนาญของผู้เล่นประมาณ ๑ ท่า

๔.การเดินแปลง 

เป็นลักษณะของการเดินที่พร้อมจะเข้าสู่ท่าต่อสู้   การเดินจะเดินไปจนสุดสนามแล้วกลับมาที่เดิมขณะที่อยู่ในระยะใกล้ที่จะสวนกันให้ต่างหลีกไปทางซ้ายเพียงเล็กน้อยโดยอาวุธอาจจะถูกหรือระกันเล็กน้อย

๕.การต่อสู้  

จะเป็นการใช้ท่าทางการต่อสู้ที่ได้ฝึกมาทั้งหมดในสถานการณ์จริง  การต่อสู้นี้จะใช้อาวุธของการต่อสู้ที่เรียกว่า “เครื่องไม้ตี” มีลักษณะเช่นเดียวกับเครื่องไม้รำแต่ไม่ได้ตกแต่งให้สวยงาม

๖.การขอขมา  

เป็นการไหว้กันและกันระหว่างผู้เล่นทั้งสองฝ่ายหลังจบการแสดงแต่ละอาวุธ  เป็นการขอโทษต่อการแสดงที่ผิดพลั้งต่อกัน    เป็นระเบียบที่กำหนดขึ้นในภายหลังจากสมัยท่านอาจารย์นาค  เทพหัสดิน ณ อยุธยา

อุปกรณ์กระบี่กระบอง 

อาวุธที่จะใชอุปกรณ์กระบี่กระบองเรียกว่า “เครื่องไม้”  หรือ “เครื่องตั้ง”  ประกอบด้วย

ง้าว – เป็นอาวุธชนิดหนึ่งซึ่งใช้สำหรับฟันและแทง ตัวง้าวทำด้วยเหล็ก ยาวประมาณ 220 เซนติเมตร ง้าวมักจะใช้สู้เมื่ออยู่บนหลังช้าง ซึ่งเติมขอที่โคนง้าว เรียกกันว่า ” ของ้าว “

พลอง – เป็นอาวุธซึ้งใช้สำหรับตี พลองนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า ” สี่ศอก ” เพราะว่ามีความยาว 4 ศอกตรกติทำด้วยไม้ที่มีความเหนี่ยว ไม่หักง่าย หรือทำด้วยเหล็ก ยาวประมาณ 200 เซนติเมตร

กระบี่ – กระบี่แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ กระบี่รำ กระบี่ตี และกระบี่จริง กระบี่เป็นอาวุธหลักที่ใช้ในการรบของทหารไทยสมันโบราณใช้สำหรับฟันแทงระยะประชิดตัว

ดาบ – เป็นอาวุธที่ใช้สำหรับฟังและแทงตัวดาบจะทำด้วยเหล็กอย่างดีมีโค้งตอนปลายเล็กน้อย มีความยาวประมาณ90 เซนติเมตร มีน้ำหนักมากกว่ากระบี่แต่นำหนักส่วนมากอยู่

โล่ – โล่เป็นเครื่องป้องกันอาวุธเช่นเดียวกับดั้งหรือเขน แตกต่างกันที่รูปร่างเท่านั้น คือเป็นรูปวงกลม นูนตรงกลางทำด้วยหนังดิบ หวายสาน หรือโลหะ

ดั้ง – เป็นเครื่องป้องกันอาวุธชนิดหนึ่ง ซึ้งใช้สำหรับป้องกันอาวุธของศัตรูเป็นรูปสี่เลี่ยมยาวๆ โค้งๆ คล้ายกาบกล้วย กว้างประมาณ15เซนติเมตร ยาวประมาณ 100 เซนติเมตรทำด้วยหนังหรือหวายหรือไม้ปะปนกัน

ไม้ศอก หรือ ไม้สั้น – ไม้สั้นนับว่าเป็นเครื่องกระบี่กระบองที่สำคัญชิ้นหนึ่ง มีรูปร่างลักษณะคล้ายกระดูกท่อนปลายแขน เป็นท่อนไม้รูปสี่เหลี่ยมยาวประมาณ 45 เซนติเมตร กว้างและสูงประมาณ 7 เซนติเมตร

กีฬาที่มาจากศิลปะการต่อสู้ของไทย ไม่มีชาติใดเหมือน 

ได้รวมอาวุธหลายชนิดเข้าไว้ด้วยกัน ช่วยพัฒนาทักษะรอบด้าน 

            ชื่อกระบี่กระบองใช่จะมีอาวุธเพียง ๒ อย่างเท่านั้น แต่กีฬาประเภทนี้ได้รวมอาวุธที่น่าสนใจมากมายนอกเหนือจากกระบี่กระบอง อาทิ ดาบ ง้าว พลอง ดั้ง เขน โล่ และไม้สั้น การเล่นกีฬาชนิดนี้จะต้องเป็นคู่กันเพื่อแข่งขันกับคู่อื่น กรรมการจะมีหลักเกณฑ์การตัดสินการแข่งขัน ๔ ประเภท ได้แก่ การแต่งกายจะเป็นแบบนักรบโบราณหรือชาวบ้านก็ได้ แต่ต้องสวมมงคลทุกครั้ง ท่ารำต้องรำท่าเดียวไม่ต่ำกว่า ๒ ท่า ลีลาท่ารำต้องเข้ากับจังหวะดนตรีและเหมาะสมกับอาวุธที่ใช้ การเดินแปลงคือการเดินเข้าหากันก่อนเริ่มต่อสู้ และสุดท้ายคือการต่อสู้ที่ถูกต้องตามหลักวิชาการต่อสู่ป้องกันตัว มีเหตุผลสมจริงในแต่ละท่าที่ใช้ และไม่เป็นการอนาจาร กำหนดเวลาแสดงคู่ละประมาณ ๗ นาที


รูปแบบการเล่นกระบี่กระบอง 

การเล่นกระบี่กระบองแต่ละครั้งนั้นมีแบบแผนการเล่นที่กำหนดไว้  ดังนี้

๑.การถวายบังคม 

การถวายบังคมนี้จะกระทำ 3 ครั้ง แต่ละครั้งมีความหมายดังนี้

            ครั้งที่ ๑ หมายถึง  การแสดงความเคารพต่อหลักธรรมคำสั่งสอนขององค์พระศาสดา

            ครั้งที่ ๒ หมายถึง  การแสดงความเคารพต่อองค์พระประมุขของชาติ

            ครั้งที่ ๓ หมายถึง  การแสดงความเคารพต่อบิดา  มารดา  ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาการและผู้มีพระคุณ

๒.การขึ้นพรหม

ประกอบด้วย  การขึ้นพรหมนั่ง  และการขึ้นพรหมยืน  การขึ้นพรหมนี้ถ้าฝ่ายหนึ่งขึ้นพรหมนั่งอีกฝ่ายจะขึ้นพรหมยืน   นอกจากเป็นการสร้ากำลังใจและคุ้มครองในการต่อสู้แล้ว  การขึ้นพรหมนี้  นาค  เทพหัสดิน ณ อยุธยา  ได้บันทึกไว้ว่า  เป็นการสอนให้ผู้เรียนระลึกถึงธรรมของการอยู่ร่วมกันในสังคม  ได้แก่  พรหมวิหารสี่

๓.การรำเพลงอาวุธ  

ผู้แสดงที่เล่นอาวุธ  ผู้แสดงที่เล่นอาวุธใดจะเลือกรำเพลงตามอาวุธที่ตนใช้  โดยเลือกท่ารำจากท่ารำทั้งหมดในอาวุธนั้นตามความเหมาะสมหรือความชำนาญของผู้เล่นประมาณ ๑ ท่า

๔.การเดินแปลง 

เป็นลักษณะของการเดินที่พร้อมจะเข้าสู่ท่าต่อสู้   การเดินจะเดินไปจนสุดสนามแล้วกลับมาที่เดิมขณะที่อยู่ในระยะใกล้ที่จะสวนกันให้ต่างหลีกไปทางซ้ายเพียงเล็กน้อยโดยอาวุธอาจจะถูกหรือระกันเล็กน้อย

๕.การต่อสู้  

จะเป็นการใช้ท่าทางการต่อสู้ที่ได้ฝึกมาทั้งหมดในสถานการณ์จริง  การต่อสู้นี้จะใช้อาวุธของการต่อสู้ที่เรียกว่า “เครื่องไม้ตี” มีลักษณะเช่นเดียวกับเครื่องไม้รำแต่ไม่ได้ตกแต่งให้สวยงาม

๖.การขอขมา  

เป็นการไหว้กันและกันระหว่างผู้เล่นทั้งสองฝ่ายหลังจบการแสดงแต่ละอาวุธ  เป็นการขอโทษต่อการแสดงที่ผิดพลั้งต่อกัน    เป็นระเบียบที่กำหนดขึ้นในภายหลังจากสมัยท่านอาจารย์นาค  เทพหัสดิน ณ อยุธยา

อุปกรณ์กระบี่กระบอง 

อาวุธที่จะใชอุปกรณ์กระบี่กระบองเรียกว่า “เครื่องไม้”  หรือ “เครื่องตั้ง”  ประกอบด้วย

ง้าว – เป็นอาวุธชนิดหนึ่งซึ่งใช้สำหรับฟันและแทง ตัวง้าวทำด้วยเหล็ก ยาวประมาณ 220 เซนติเมตร ง้าวมักจะใช้สู้เมื่ออยู่บนหลังช้าง ซึ่งเติมขอที่โคนง้าว เรียกกันว่า ” ของ้าว “

พลอง – เป็นอาวุธซึ้งใช้สำหรับตี พลองนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า ” สี่ศอก ” เพราะว่ามีความยาว 4 ศอกตรกติทำด้วยไม้ที่มีความเหนี่ยว ไม่หักง่าย หรือทำด้วยเหล็ก ยาวประมาณ 200 เซนติเมตร

กระบี่ – กระบี่แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ กระบี่รำ กระบี่ตี และกระบี่จริง กระบี่เป็นอาวุธหลักที่ใช้ในการรบของทหารไทยสมันโบราณใช้สำหรับฟันแทงระยะประชิดตัว

ดาบ – เป็นอาวุธที่ใช้สำหรับฟังและแทงตัวดาบจะทำด้วยเหล็กอย่างดีมีโค้งตอนปลายเล็กน้อย มีความยาวประมาณ90 เซนติเมตร มีน้ำหนักมากกว่ากระบี่แต่นำหนักส่วนมากอยู่

โล่ – โล่เป็นเครื่องป้องกันอาวุธเช่นเดียวกับดั้งหรือเขน แตกต่างกันที่รูปร่างเท่านั้น คือเป็นรูปวงกลม นูนตรงกลางทำด้วยหนังดิบ หวายสาน หรือโลหะ

ดั้ง – เป็นเครื่องป้องกันอาวุธชนิดหนึ่ง ซึ้งใช้สำหรับป้องกันอาวุธของศัตรูเป็นรูปสี่เลี่ยมยาวๆ โค้งๆ คล้ายกาบกล้วย กว้างประมาณ15เซนติเมตร ยาวประมาณ 100 เซนติเมตรทำด้วยหนังหรือหวายหรือไม้ปะปนกัน

ไม้ศอก หรือ ไม้สั้น – ไม้สั้นนับว่าเป็นเครื่องกระบี่กระบองที่สำคัญชิ้นหนึ่ง มีรูปร่างลักษณะคล้ายกระดูกท่อนปลายแขน เป็นท่อนไม้รูปสี่เหลี่ยมยาวประมาณ 45 เซนติเมตร กว้างและสูงประมาณ 7 เซนติเมตร